Subscribe:

Blogger templates

วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2558

วอเตอร์เครส ผักต้นเล็กๆ มากคุณค่า

วอเตอร์เครส  ผักต้นเล็กๆ ที่ให้คุณค่ามหาศาล
        จากข้อมูลการวิเคราะห์ ของ USDA Nutrient Database มีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย ดังนี้ คุณค่าทางโภชนาการของผัก วอเตอร์เครส ต่อ 100 กรัม

   ให้พลังงาน
   11 กิโลแคลอรี
   คาร์โบไฮเดรต
1.29 กรัม
   น้ำตาล
  0.2 กรัม
   เส้นใย
  0.5 กรัม
   ไขมัน
  0.1 กรัม
   โปรตีน
  2.3 กรัม
   วิตามิน เอ
 160 ไมโครกรัม
   เบต้าแคโรทีน
 160 ไมโครกรัม
   ลูที และ ซีแซนทีน
5,867ไมโครกรัม
   วิตามิน บี 1
 0.09 มิลลิกรัม
   วิตามิน บี 2
 0.12 มิลลิกรัม
   วิตามิน บี 5
 0.31 มิลลิกรัม

วิตามิน บี 6
       0.129 มิลลิกรัม
วิตามิน บี 9
            9 ไมโครกรัม
วิตามิน ซี
           43 มิลลิกรัม
วิตามิน อี
             1 มิลลิกรัม
วิตามิน เค
         250 ไมโครกรัม
แคลเซียม
         120 มิลลิกรัม
เหล็ก
          0.2 มิลลิกรัม
แมกนีเซียม
      0.244 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส
          60 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม
        330 มิลลิกรัม
โซเดียม
          41 มิลลิกรัม

     สรุปวอเตอร์เครส มีประโยชน์ต่อร่างกายของคนเรามากมาย เช่น
      * ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย บำรุงสุขภาพ
      * ช่วยบำรุงรักษาสายตา เพราะอุดมด้วยวิตามิน เอ
      * ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
      * เป็นผักที่ไม่มีคอเลสเตอรอล และยังช่วยลดระดับไขมันในเลือดได้อีกด้วย
      * ช่วยบำรุงรักษา กระดูกและฟันให้แข็งแรง
      * ช่วยป้องกันหลอดเลือดหัวใจตีบ
      * ช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือด
      * ช่วยยับยั้งการเกิดโรคมะเร็งและป้องกันการเกิดมะเร็งปอด
      * ช่วยลดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่
      * ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็งเต้านม
      * ช่วยในการย่อยอาหาร
      * นำมารับประทานสด หรือใช้ประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น สลัด แกงจืด ต้มซุป ผัดไฟแดง ชุบแป้งทอด และใช้ใบตกแต่งอาหารให้น่ารับประทานมากยิ่งขึ้น

    ที่มา  : สุนทร  ตรีนันทวัน : ผู้เชี่ยวชาญสาขาเทคโนโลยีการศึกษา สสวท.

วอเตอร์เครส (water cress) น่าสนใจ อย่างไร

วอเตอร์เครส (water cress)  น่าสนใจ อย่างไร       
          จากผลงานการวิจัยของคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอิลินนอยส์ พบว่าวอเตอร์เครส เป็นผักต้านมะเร็งชนิดหนึ่ง อุดมด้วยวิตามินเอและวิตามินซี  ที่นิยมปลูกในไทยมีอยู่ 2 สายพันธุ์ ก็คือ พันธุ์สีเขียวและพันธุ์สีแดง โดยพันธุ์สีเขียวจะมีธาตุอาหารประเภทวิตามิน เอ วิตามิน อี และวิตามิน ซี สูงกว่าในผักกาดธรรมดาถึง 2 เท่าตัวถ้าเทียบกับน้ำหนักที่เท่ากันแล้ว วอเตอร์เครสมี วิตามิน ซี มากกว่าส้ม มีแคลเซียมมากกว่านมทุกชนิด มีธาตุเหล็กสูงกว่าผักขม และยังประกอบด้วยสาร ไอโซไทโอไซยาเนต (Isothiocyanates) ซึงเป็นสารช่วยต้านอนุมูลอิสระ ที่จะเป็นอันตรายให้แก่ร่างกายที่จะเกิดกับอนุมูลอิสระ มีโพแทสเซียม น้ำมันมาส -ตาร์ด และมีไอโอดีน เหมาะสำหรับผู้ป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจและติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ บำรุงกระดูกและฟันพร้อมมีคุณสมบัติในการล้างสารพิษที่ตกค้างในร่างกายด้วย   
          ทางคณะได้เผยแพร่ข้อมูลทางการเกษตรผ่านทางอินเตอร์เนต ว่า วอเตอร์เครส เป็นผักไม่มีโคเลสเตอร์รอลเลย ที่ดีมากคือ ในฐานข้อมูลผักของเวกแมน บอกว่า วอเตอร์เครส ขนาดพอดีกินใน 1 มื้อ คือราว 10 ยอดนั้น ให้วิตามินเอ 1 ใน 4 ของที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันทีเดียว(ร่างกายต้องการ 800 ไมโครกรัม เทียบหน่วย เรตินัล) ถ้าต้องการวิตามินเอจาก วอเตอร์เครส ให้ปรุงด้วยน้ำมัน อาจเป็นการผัดด้วยไฟแรงอย่างรวดเร็วหรือเป็นซุปก็ปรุงเสร็จกินทันที ร่างกายก็จะได้มีภูมิต้านทานที่ดี ลดความเสี่ยงจากการเป็นมะเร็งและบำรุงสายตา เพราะมีวิตามินเอ ส่วนวิตามินซี ในวอเตอร์เครส ราว 10 ยอดให้วิตามินซี ร้อยละ15 ของร่างกายที่ต้องการใน 1 วัน (วัน เราต้องการ 60 มิลลิกรัม) การวิเคราะห์นี้เป็นของอเมริกาโดยเผยแพร่ในฐานข้อมูลผักสดของเวกแมน
           การนำมาประกอบอาหาร ได้วอเตอร์เครสมาแล้ว    เด็ดก้านแข็งๆ ออก ใช้ประกอบอาหารได้เลยไม่ว่าจะเป็นสลัด ผัดไฟแดง แกงจืด หรือรับประทานสดๆ กับส้มตำ น้ำพริก หรือใช้ตกแต่งจานให้สีเขียวสวย รูปใบเล็กๆ ดูสดชื่น กินเป็นผักสลัดกรอบ ให้วิตามินซี ซึ่งเป็นแอนติออกซิแดนท์ ที่เป็นตัวจับสารก่อมะเร็งธรรมชาติ ทำแซนวิช หรือ

ทำซุปก็ได้วิตามินเอ ที่ร่างกายแปลงมาจากเบต้าแคโรทีนในวอเตอร์เครส

รู้จักวอเตอร์เครส (Water Cress)

วอเตอร์เครส (Water Cress) หรือ ผักสลัดน้ำ
ราชินีผักสำหรับคนรักสุขภาพ



     วอเตอร์เครส เป็นผักที่ได้รับความนิยม ในการปลูกและบริโภคกันอย่างกว้างขวาง ในประเทศต่าง ๆ แถบยุโรป สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และบางประเทศในเอเซีย ฯลฯ สำหรับในประเทศไทย ได้เริ่มแพร่ขยายเข้ามาปลูกได้เพียง 2 ปีนี้เอง โดยมีแหล่งปลูกที่สำคัญอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคใต้ ซึ่งชาวจีนที่อพยพมาสู่ประเทศไทยได้นำวอเตอร์เครสเข้ามา เฉพาะที่ภาคใต้มีปลูกกันมากที่ อำเภอ เบตง จังหวัดยะลา การปลูกวอเตอร์เครสในสมัยแรก ๆ นั้นปลูกกันอยู่เฉพาะชาวจีนเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีการปลูกกันในภาคต่างๆ อย่างแพร่หลาย และได้นำมาปลูกในโครงการหลวงทางภาคเหนือด้วย ทั้งนี้ก็เพราะว่า วอเตอร์เครสหรือผักสลัดน้ำนั้นปลูกง่าย เจริญเติบโตเร็ว บริโภคสดได้หรือจะนำมาแปรรูปเป็นอาหารก็อร่อยไม่แพ้กัน แถมยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีประโยชน์อย่างมาก และเริ่มนิยมปลูกแบบ ไฮโดรโปนิค กันมากขึ้นเพื่อการค้าในตลาดผัก
วอเตอร์เครส  ผักสลัดน้ำ อยู่ในวงศ์เดียวกับพวก กะหล่ำปลี หรืออยู่ในวงศ์ Brasicaceae มีชื่อ วิทยาศาสตร์ว่า Nasturtium officinale วอเตอร์เครส ได้ชื่อว่าเป็นราชินีผักสำหรับคนรักสุขภาพ เป็นผักที่มีใบเขียวนิยมนำใบมาทำเป็นผัดสลัด ตลอดจนเป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหารต่าง ๆ มีลำต้นเตี้ย ๆ เล็ก ๆ ในก้านใบหนึ่ง ๆ มีใบย่อยหลายใบ
        ลักษณะเด่นของ วอเตอร์เครส คือต้นและใบคล้ายผักเป็ดไทย แต่แตกต่างกันบ้างตรงที่ขนาดความยาวของใบ โดย วอเตอร์เครส จะมีความยาวมากกว่า  เป็น ผักต้นเล็กๆ น่ารัก ทรงสวย สามารถปลูกเป็นไม้ประดับได้ทั้งในน้ำและบนบก เดิมทีเป็นวัชพืชที่เกิดขึ้นเองในประเทศเนปาล บนเขาหิมาลัยที่มีความสูงกว่า 2,000 เมตร ในประเทศนิวซีแลนด์ กับ อเมริกาเหนือนั้น วอเตอร์เครส เป็นวัชพืชน้ำที่มีคุณค่าทางอาหารสูง